วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553

การเห็นกายเนื้อของพระพุทธเจ้า


พระพุทธเจ้า เสด็จดำเนินทางไกล ระหว่างกรุงราชคฤห์กับเมืองนาลันทา พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่
ได้ตรัสเรื่องทิฐิ ๖๒ โดยพิสดาร ในตอนท้ายสูตร ได้ตรัสถึงการเห็นพระกายของพระองค์ ไว้ดังนี้

"ภิกษุทั้งหลาย! กายของตถาคตมีตัณหา อันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ดำรงอยู่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
จักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่
เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จักไม่เห็นตถาคต
เปรียบเหมือนพวกมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป"

พรหมชาลสูตร ๙/๕๒


พระสูตรนี้ น่าจะเป็นหลักฐานที่ควรเชื่อได้อย่างดีว่า
การเห็นกายเนื้อ หรือ ร่างกายที่จะต้องเน่าเปื่อย ไปตามวัยนี้
ของพระพุทธเจ้ากับของคนทั่วไป ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย
แต่คุณธรรมต่าง ๆ ที่อาศัยร่างกายนี้เกิดขึ้นต่างหากเล่า ที่ทำให้คนเราแตกต่างกัน

มีสำนักปฏิบัติบางแห่ง สอนให้เพ่งดูรูปพระพุทธเจ้า หรือเพ่งให้เห็นทางมโนภาพ
นั่นก็เกิดจากการที่ต้องการให้ผู้ปฏิบัติมีศรัทธา และจิตรวมตัวเป็นสมาธิ
เพราะถ้าจิตไม่เป็นสมาธิ เพ่งอย่างไร เพ่งเท่าไร มันก็ไม่มีทางเห็นได้

ในเรื่องนี้พึงดูพระวักกลิเป็นตัวอย่าง พระวักกลิท่านบวชเข้ามาก็ด้วยเพียงอยากอยู่ใกล้
อยากเห็นพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา อันนี้ก็ไม่ใช่ของแปลกประหลาด
เพราะพระพุทธเจ้าท่านเป็นลูกกษัตริย์ ทั้งมีบุญวาสนาสูงส่งมาก่อน ท่านจึงมีพระรูปงามกว่าคนธรรมดา

แต่เพราะพระวักกลิสนใจมองดูแต่ร่างกาย เพียงอย่างเดียว ไม่สนใจธรรมะเลย
จึงต้องถูกพระพุทธองค์ขับไล่ให้หนีไป ทำให้เกิดความเสียใจ ถึงกับจะกระโดดภูเขาตาย
ทรงเมตตาสั่งสอนว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นย่อมเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นย่อมเห็นธรรม"
พระวักกลิปฏิบัติตามจึงสามารถบรรลุธรรมขั้นต้นได้

นี่ก็แสดงว่า การเห็นธรรม ย่อมสำคัญกว่าการเห็นด้วยกายเนื้อ
เพราะทำให้หมดกิเลสตัณหา หรือสามารถดับทุกข์ได้


จาก พระไตรปิฏกฉบับ ดับทุกข์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น