วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553
พระไตรปิฎกเกิดขึ้นครั้งแรก
ตั้งหัวเรื่องอย่างนี้ คล้ายจะบอกว่า พระไตรปิฎกเกิดขึ้นหลายครั้ง มีครั้งแรกครั้งที่สองด้วยอะไรประมาณนั้น ความจริงก็เกิดครั้งแรกครั้งเดียวเท่านั้น
เดิมทีเดียวพระไตรปิฎก ปรากฏอยู่ในรูปเป็น “พระธรรมวินัย” (ธมฺมวินย) หรือ “พรหมจรรย์” (พฺรหฺมจริย) สองคำนี้ใช้เรียกสิ่งเดียวกัน คือพระพุทธศาสนาทั้งหมด
พระพุทธเจ้าหลังตรัสรู้แล้ว ก็เสด็จไปประกาศเผยแผ่ให้ประชาชนได้รับทราบ สำนวนภาษาบาลีจึงกล่าวว่า “ทรงประกาศพระธรรมวินัย” บ้าง “ทรงประกาศพรหมจรรย์” บ้าง “ทรงประกาศพระพุทธศาสนา” บ้าง (ทานโทษเพื่อให้ชัด เดี๋ยวท่านผู้รู้จะทักท้วง ท่านใช้ “ศาสนา” เฉยๆ ต่อมาได้เติมคำว่า “พุทธ” นำหน้าเพื่อให้ชัดเจนว่า ศาสนาในที่นี้คือพระพุทธศาสนา)
ธรรมวินัย อันเป็นหลักคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น ในชั้นต้นๆ ก็มิได้รวบรวมเป็นหมวดเป็นหมู่แน่นอน จะมีบ้างที่ถูกเอ่ยถึงบ่อยๆ ก็คือแบ่งเป็น 9 หมวด เรียก “นวังคสัตุสาสน์” คือ (1) คำสอนประเภทร้อยแก้วล้วน (2) ประเภทร้อยกรองล้วน (3) ประเภทร้อยแก้วผสมร้อยกรอง (4) ประเภทอรรถาธิบาย (5) ประเภทคำอุทาน (6) ประเภทคำอ้างอิง (7) ประเภทเรื่องคุณวิเศษเฉพาะตนของพระพุทธเจ้าและพระสาวก (8) ประเภทนิทานชาดก เล่าถึงอดีตชาติของพระพุทธเจ้าขณะบำเพ็ญบารมีต่างๆ (9) ประเภทคำสนทนาถาม-ตอบเพื่อความรู้ยิ่งๆ ขึ้น
มีบ้างที่เอ่ยถึงการแบ่งเป็น “วรรค” เช่น ตอนเล่าเรื่องพระโสณกุฏิกัณณะ สวดธรรมที่อยู่ใน “อัฏฐกวรรค” และ “ปรายนวรรค” ให้พระพุทธเจ้าทรงสดับ
มีบ้างที่เล่าถึงพระสารีบุตรอัครมหาสาวก ได้รจนาพุทธวจนะเป็นหมวดหมู่เรียกว่า “สังคีติสูตร” และ “ทสุตตรสูตร” และเล่าไปถึงว่าเมื่อท่านพระสารีบุตรรจนาเสร็จแล้ว มีโอกาส present ให้ที่ประชุมสงฆ์ฟัง โดยพระพุทธานุญาต ณ สัณฐาคาร (รัฐสภา) ที่สร้างขึ้นใหม่ ของเหล่ามัลลกษัตริย์
ทั้งหมดนี้ยังไม่พบการเรียกคำสอนของพระพุทธเจ้าว่า “พระไตรปิฎก” ในสมัยพุทธกาล แม้หลังพุทธปรินิพพานได้ 3 เดือน เมื่อพระมหากัสสปะเรียกประชุมพระสงฆ์ 500 รูปร้อยกรอง (สังคายนา) พระพุทธวจนะเป็นหมวดเป็นหมู่ ก็ไม่เอยคำว่า “พระไตรปิฎก” ยังคงใช้คำว่า “สังคายนาพระธรรมวินัย” อยู่
แม้พระพุทธศาสนาล่วงเลยมา 100 ปี หลังพุทธปรินิพพาน มีการสังคายนาครั้งที่สอง เพื่อวินิจฉัย “วัตถุ 10 ประการ” ที่กลุ่มภิกษุวัชชีบุตรนำเสนอ ก็ยังเรียกว่า “ธมฺมวินย วิสชฺชนา” (การวิสัชนาพระธรรมวินัย)
พระธรรมวินัยได้กลายมาเป็นพระไตรปิฎกเมื่อใด ไม่มีหลักฐานที่ไหนชัดแจ๋วแหววพอที่จะชี้ลงไปได้แน่นอน คงต้องสันนิษฐานเอาตามหลักฐานเท่าที่มีนำมาปะติดปะต่อกัน
เข้าใจกันว่า ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 2-3 คือหลังสังคายนาครั้งที่ 2 ถึงสังคายนาครั้งที่ 3 สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชนั้นเอง ได้เกิดคำว่า “ปิฎก” ขึ้นสำหรับเรียกพระธรรมวินัย โดย “ธรรม” ได้แตกออกเป็น พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก ส่วน “วินัย” เป็น พระวินัยปิฎก
หลักฐานที่สนับสนุนข้อสันนิษฐานนี้ก็คือ ใน “จารึกสาญจิสถูป” มีกล่าวถึงพระเถระพระเถรี ว่ามีความเชี่ยวชาญปิฎกต่างๆ หรือบางส่วนของปิฎก เช่น
เปฏกินฺ = พระเถระผู้ทรงจำปิฎกทั้งหลาย
สุตฺนฺตินี = พระเถรีผู้ทรงจำพระสูตร
ทีฆภาณิกา = พระเถระ/พระเถรีผู้สวดทีฆนิกาย
ปญฺจเนกายิกา = พระเถระ/พระเถรีผู้ทรงจำนิกายทั้ง 5
นอกจากนี้ เล่าถึงพระเจ้าอโศกมหาราชทรงแนะให้พระสงฆ์ศึกษาเนื้อหาของพระไตรปิฎกให้เข้าใจแจ่มแจ้ง เพื่อนำไปสอนประชาชน มีระบุถึง อริยวสานิ (ตรวจสอบแล้ว ปรากฏอยู่ใน ทีฆนิกาย สังคีติสูตร) อนาคตภยานิ (ปรากฏอยู่ใน อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต) มุนิคาถา (ปรากฏอยู่ใน ขุททกนิกาย สุตตนิบาต) โมเนยฺยสุตฺต (ปรากฏอยู่ใน อังคุตตรนิกาย และขุททกนิกาย อิติวุตตกะ) เป็นต้น
มีหลักฐานชิ้นหนึ่งว่า คัมภีร์กถาวัตถุ ได้แต่งขึ้นในสมัยสังคายนาครั้งที่ 3 โดยพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ และคัมภีร์นี้ได้ถูกผนวกเข้าเป็น 1 ในพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ ทำให้เนื้อหาพระอภิธรรมปิฎกสมบูรณ์
จากหลักฐานเหล่านี้ ชี้ว่าพระธรรมวินัยได้แตกออกเป็น “พระไตรปิฎก” แล้วในช่วงนี้ จึงพอจะกล่าวได้อย่างกว้างๆ ว่า “พระไตรปิฎก” เกิดขึ้นครั้งแรกหลังพุทธปรินิพพาน ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 2 ถึงที่ 3 และไม่หลังสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชแน่นอน
......................
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น