วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553

การปฏิบัติธรรมที่ให้ผลต่างกัน


พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี ได้ตรัสกะภิกษุทั้งหลาย
ถึงการปฏิบัติธรรมะ ที่ได้รับผลต่างกัน ทั้งในปัจจุบันและอนาคต พอสรุปใจความได้ว่า

๑. การปฏิบัติธรรม มีสุขในปัจจุบัน แต่มีทุกข์เป็นผลต่อไป คือ
ผู้ที่ไม่เห็นโทษของกาม ย่อมดื่มด่ำในกาม เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงนรก ได้รับทุกข์เผ็ดร้อนสาหัส

๒. การปฏิบัติธรรม มีทุกข์ในปัจจุบัน และมีทุกข์เป็นผลต่อไป คือ
ผู้ที่ประพฤติตนทรมานกายด้วยประการต่าง ๆ อย่างพวกเดียรถีย์ เป็นต้น
เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงนรก ได้รับทุกข์เผ็ดร้อนสาหัส

๓. การปฏิบัติธรรม มีทุกข์ในปัจจุบัน แต่มีสุขเป็นผลต่อไป คือผู้ที่มีราคะแรงกล้า มีโทสะแรงกล้า มีโมหะแรงกล้า
แต่ต้องอดกลั้นอดทนเมื่อกระทบกับความทุกข์นั้น ต้องร้องไห้ น้ำตานองหน้า
แต่รักษาศีลรักษาพรหมจรรย์ไว้ได้ อย่างบริสุทธิ์บริบูรณ์ เมื่อตายไปย่อมไปสู่สุคติ โลก สวรรค์

๔ การปฏิบัติธรรม มีสุขในปัจจุบันและมีสุขเป็นผลต่อไป คือ
ผู้ที่มีราคะไม่แรงกล้า มีโทสะไม่แรงกล้า มีโมหะไม่แรงกล้า ไม่ต้องได้รับทุกข์เวทนาในการประพฤติธรรม
การปฏิบัติธรรม ก็ก้าวหน้าโดยลำดับ เมื่อตายไปย่อมไปสู่สุคติ โลก สวรรค์.

จูฬธรรมสมาทานสูตร


พระสูตรนี้ เป็นหลักฐานแสดงว่า การปฏิบัติธรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผลกรรม ทั้งในอดีตและปัจจุบัน หรือที่เรียกว่า “บารมี” ที่อบรมบ่มนิสัยมาไม่เท่ากัน
แต่จุดหมายปลายทางของผู้ปฏิบัติ ที่ได้รับผลแล้วก็ย่อมเท่ากัน คือละกิเลสตัณหาได้ พ้นทุกข์ได้เท่ากัน

ดังนั้น ผู้ปฏิบัติจึงไม่ควรท้อถอย ไม่ควรเปรียบเทียบกับคนที่เขามีบารมีสูงกว่า
ถ้าจะเปรียบเทียบ ก็ควรจะเปรียบเทียบกับคนที่มีบารมีต่ำกว่าเรา
แต่เขาสามารถเอาชนะอุปสรรค หรือสิ่งชั่วร้ายจนปลอดภัยมาได้

เมื่อเราได้ยินหรือได้เห็นแล้ว ก็จะเกิดกำลังใจ ในการทำความดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
เพราะนอกจากเราจะเกิดกำลังใจที่เข้มแข็งแล้ว การทำดีของเรายังจะเป็นแบบอย่างที่ดีแก่อนุชนอีกด้วย.


พระไตรปิฏกฉบับ ดับทุกข์
โดย ธรรมรักษา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น