การถูกข่มขืนไม่ใช่เรื่องง่าย และการติดลูกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
การถูกข่มขืนแล้วท้องนั้น ว่าไปแล้วก็คือการถูกลงโทษให้เสวยทุกข์สองต่อ ทั้งเจ็บกายเจ็บใจ
ทั้งต้องเลือกที่จะสร้างบาปสร้างกรรมต่อไปอีก
ผมรู้สึกสงสารและเห็นใจผู้หญิงที่สุดก็จากการเห็นว่า ต้องเกิดมาท่ามกลางความเสี่ยงทำนองนี้แหละ
แต่ถ้าคุณฆ่าเด็กแล้วถามผมว่าบาปไหม ผมแกล้งโกหกเพื่อความสบายใจของคุณไม่ได้
ต้องบอกตามตรงว่าคุณทำบาปเพราะ ‘จำใจฆ่า’ สิ่งมีชีวิตที่คุณ ‘ไม่ได้เป็นคนผิดที่ทำให้เกิดมา’ ครับ
พระพุทธเจ้าตรัสว่าความเป็นมนุษย์เริ่มต้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา
อย่างสมมุติว่าถ้าพระทำให้เด็กในท้องมีอันเป็นไป เช่นเจตนาแกล้งให้หญิงท้องลื่นล้มเพื่อจะได้แท้ง
อันนั้นถือว่าอาบัติปาราชิก คือถูกประหารให้ตายจากความเป็นภิกษุ และกลับมาบวชไม่ได้อีกเลยชั่วชีวิต
นั่นหมายความว่าพระศาสดาใช้ญาณหยั่งรู้ของท่าน เป็นเกณฑ์ตัดสินว่าชีวิตคนเริ่มจากในครรภ์มารดา
ไม่ใช่เริ่มตอนเราเห็นออกมาลืมตาดูโลก กำเนิดมนุษย์ไม่ได้อาศัยแค่เชื้อจากพ่อและแม่ผสานกัน
แต่ยังต้องมีวิญญาณหยั่งลงในครรภ์มารดาด้วย
(หากใครค้นคว้าพระไตรปิฎกเป็นขอให้อ่านกถาว่าด้วยปฏิจจสมุปบาทจากพระ สุตตันตปิฎกเล่ม ๒
ซึ่งพระพุทธองค์ทรงระบุชัดว่า
วิญญาณที่หยั่งลงในครรภ์มารดาเป็นเหตุปัจจัย ให้รูปและนามของทารกในครรภ์ตั้งอยู่ได้)
ระหว่างฆ่าคนที่เกิดมาแล้วกับฆ่าเด็กที่อยู่ในท้อง อาจบาปมากน้อยกว่ากันได้ครับ ต้องดูเป็นรายๆ
ก่อนอื่นต้องคำนึงว่าเด็กที่จะมาเข้าท้องคนได้นั้น แม้มีวิบากชั่วติดตัวมาแค่ไหน อย่างน้อยก็ต้องมีบุญพอสมควร
มิฉะนั้นจะไม่มีทางบังเอิญมาอยู่ในสถานภาพทารกมนุษย์เป็นอันขาด
พลังบุญที่ยังดิบๆ ยังไม่กลั่นออกมาเป็นรูปมนุษย์นี่นะครับ จัดเป็นพลังบุญที่รุนแรง
หากเด็กเกิดมาเป็นเด็กชั่วร้าย ทำเรื่องชั่วร้ายไปแล้ว พลังบุญจะลดลงระดับหนึ่ง
แต่เมื่อเขายังอยู่ในท้อง พลังบุญแห่งความเป็นมนุษย์ยังไม่ถูกลดระดับ
ถ้าคุณไปทำลายเขา ก็เท่ากับทำลายสิ่งที่มีศักยภาพสูงชิ้นหนึ่ง
พลังสะท้อนกลับของสิ่งที่มีศักยภาพสูง ย่อมไม่ก่อให้เกิดเรื่องเล็กน้อยแน่นอน
อาจเปรียบได้กับน้ำมันดิบ ตอนยังอยู่ในบ่อ ยังไม่ถูกกลั่นออกมาใช้ มันก็มีศักยภาพระดับหนึ่ง
ถ้าคุณเผามันทิ้ง ก็เท่ากับเผาโอกาสที่จะนำมาใช้ทั้งในทางคุณและในทางโทษ
คนดีๆ ที่จะเอาน้ำมันไปพัฒนาประเทศก็หมดสิทธิ์ แต่ถ้ามันถูกสูบขึ้นมากลั่นด้วยน้ำมือผู้ก่อการร้าย
คุณพบเข้าแล้วทำลายมัน ก็ได้ชื่อว่าทำการตัดกำลังผู้ร้าย ลดเหตุการณ์ร้ายๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้จากน้ำมันส่วนนั้น
ความผิดย่อมน้อยลงตามส่วนไปด้วย
สรุปคือฆ่าเด็กในท้องนั้นบาป ฆ่าคนชั่วก็บาป แต่ถ้าเรียงลำดับบาปมากไปหาบาปน้อย ก็ต้องว่าฆ่าคนดีบาปที่สุด
ฆ่าเด็กในท้องบาปรองลงมา และฆ่าคนชั่วนับว่าบาปน้อยที่สุด แต่ตรงนี้ ต้องทำความเข้าใจไว้ดีๆ นะครับ
ย้ำซ้ำอีกครั้ง ต่อให้เป็นคนชั่ว ธรรมชาติก็ไม่ได้มีข้อยกเว้น
การฆ่านั้นอย่างไรก็เป็นบาปวันยังค่ำ บาปน้อยที่สุดไม่ได้หมายความว่าไม่บาปเลย
การถูกข่มขืนแล้วท้องนั้น ว่าไปแล้วก็คือการถูกลงโทษให้เสวยทุกข์สองต่อ ทั้งเจ็บกายเจ็บใจ
ทั้งต้องเลือกที่จะสร้างบาปสร้างกรรมต่อไปอีก
ผมรู้สึกสงสารและเห็นใจผู้หญิงที่สุดก็จากการเห็นว่า ต้องเกิดมาท่ามกลางความเสี่ยงทำนองนี้แหละ
แต่ถ้าคุณฆ่าเด็กแล้วถามผมว่าบาปไหม ผมแกล้งโกหกเพื่อความสบายใจของคุณไม่ได้
ต้องบอกตามตรงว่าคุณทำบาปเพราะ ‘จำใจฆ่า’ สิ่งมีชีวิตที่คุณ ‘ไม่ได้เป็นคนผิดที่ทำให้เกิดมา’ ครับ
พระพุทธเจ้าตรัสว่าความเป็นมนุษย์เริ่มต้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา
อย่างสมมุติว่าถ้าพระทำให้เด็กในท้องมีอันเป็นไป เช่นเจตนาแกล้งให้หญิงท้องลื่นล้มเพื่อจะได้แท้ง
อันนั้นถือว่าอาบัติปาราชิก คือถูกประหารให้ตายจากความเป็นภิกษุ และกลับมาบวชไม่ได้อีกเลยชั่วชีวิต
นั่นหมายความว่าพระศาสดาใช้ญาณหยั่งรู้ของท่าน เป็นเกณฑ์ตัดสินว่าชีวิตคนเริ่มจากในครรภ์มารดา
ไม่ใช่เริ่มตอนเราเห็นออกมาลืมตาดูโลก กำเนิดมนุษย์ไม่ได้อาศัยแค่เชื้อจากพ่อและแม่ผสานกัน
แต่ยังต้องมีวิญญาณหยั่งลงในครรภ์มารดาด้วย
(หากใครค้นคว้าพระไตรปิฎกเป็นขอให้อ่านกถาว่าด้วยปฏิจจสมุปบาทจากพระ สุตตันตปิฎกเล่ม ๒
ซึ่งพระพุทธองค์ทรงระบุชัดว่า
วิญญาณที่หยั่งลงในครรภ์มารดาเป็นเหตุปัจจัย ให้รูปและนามของทารกในครรภ์ตั้งอยู่ได้)
ระหว่างฆ่าคนที่เกิดมาแล้วกับฆ่าเด็กที่อยู่ในท้อง อาจบาปมากน้อยกว่ากันได้ครับ ต้องดูเป็นรายๆ
ก่อนอื่นต้องคำนึงว่าเด็กที่จะมาเข้าท้องคนได้นั้น แม้มีวิบากชั่วติดตัวมาแค่ไหน อย่างน้อยก็ต้องมีบุญพอสมควร
มิฉะนั้นจะไม่มีทางบังเอิญมาอยู่ในสถานภาพทารกมนุษย์เป็นอันขาด
พลังบุญที่ยังดิบๆ ยังไม่กลั่นออกมาเป็นรูปมนุษย์นี่นะครับ จัดเป็นพลังบุญที่รุนแรง
หากเด็กเกิดมาเป็นเด็กชั่วร้าย ทำเรื่องชั่วร้ายไปแล้ว พลังบุญจะลดลงระดับหนึ่ง
แต่เมื่อเขายังอยู่ในท้อง พลังบุญแห่งความเป็นมนุษย์ยังไม่ถูกลดระดับ
ถ้าคุณไปทำลายเขา ก็เท่ากับทำลายสิ่งที่มีศักยภาพสูงชิ้นหนึ่ง
พลังสะท้อนกลับของสิ่งที่มีศักยภาพสูง ย่อมไม่ก่อให้เกิดเรื่องเล็กน้อยแน่นอน
อาจเปรียบได้กับน้ำมันดิบ ตอนยังอยู่ในบ่อ ยังไม่ถูกกลั่นออกมาใช้ มันก็มีศักยภาพระดับหนึ่ง
ถ้าคุณเผามันทิ้ง ก็เท่ากับเผาโอกาสที่จะนำมาใช้ทั้งในทางคุณและในทางโทษ
คนดีๆ ที่จะเอาน้ำมันไปพัฒนาประเทศก็หมดสิทธิ์ แต่ถ้ามันถูกสูบขึ้นมากลั่นด้วยน้ำมือผู้ก่อการร้าย
คุณพบเข้าแล้วทำลายมัน ก็ได้ชื่อว่าทำการตัดกำลังผู้ร้าย ลดเหตุการณ์ร้ายๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้จากน้ำมันส่วนนั้น
ความผิดย่อมน้อยลงตามส่วนไปด้วย
สรุปคือฆ่าเด็กในท้องนั้นบาป ฆ่าคนชั่วก็บาป แต่ถ้าเรียงลำดับบาปมากไปหาบาปน้อย ก็ต้องว่าฆ่าคนดีบาปที่สุด
ฆ่าเด็กในท้องบาปรองลงมา และฆ่าคนชั่วนับว่าบาปน้อยที่สุด แต่ตรงนี้ ต้องทำความเข้าใจไว้ดีๆ นะครับ
ย้ำซ้ำอีกครั้ง ต่อให้เป็นคนชั่ว ธรรมชาติก็ไม่ได้มีข้อยกเว้น
การฆ่านั้นอย่างไรก็เป็นบาปวันยังค่ำ บาปน้อยที่สุดไม่ได้หมายความว่าไม่บาปเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น